WhySE EP.1 “ธรรมธุรกิจ” โมเดลระบบอาหารธรรมชาติแท้ ที่ตั้งคำถามกับวิธีการกินอยู่ของสังคมไทย

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับอาหารและโรคภัยที่มาจากการบริโภคยังคงเป็นความท้าทายที่ใหญ่มากของสังคมไทย โดยเฉพาะโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจาก “สารพิษในอาหาร” เช่น มะเร็งหรือโรคเรื้อรังที่เกิดจากการสะสมของสารเคมีที่ปนเปื้อนในข้าว ผัก และปลา — อาหารสามมื้อที่เราไว้ใจและบริโภคกันทุกวัน

ในแง่นี้เองที่ ธรรมธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม (SE Thailand) ได้ตั้งคำถามสำคัญว่า
“จะทำอย่างไรให้เรากินอาหารที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง?”

เราเริ่มต้นซีรีส์ #WhySE ด้วยการพูดคุยกับ คุณหนาว – พิเชษฐ โตนิติวงศ์ ผู้จัดการไปทั่วของธรรมธุรกิจ ผู้ขับเคลื่อนแนวคิด “ระบบอาหารธรรมชาติแท้” ซึ่งมองเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของกระบวนการผลิตอาหาร

“คนไทยเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่ติดต่อเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะมะเร็งที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน”

นี่คือจุดตั้งต้นที่ทำให้ธรรมธุรกิจไม่เพียงแต่ขายสินค้าเพื่อสุขภาพ แต่ต้องการสร้าง “ระบบอาหารธรรมชาติแท้” ซึ่งเป็นระบบที่ทุกฝ่ายในห่วงโซ่อาหาร—เกษตรกร ผู้บริโภค และคนกลาง—ต่างทำงานด้วยความเข้าใจ และยึดถือ “สุขภาพ” เป็นหลัก

เกษตรธรรมชาติ: ปลูกเพื่อกิน ไม่ใช่ปลูกเพื่อขาย

ธรรมธุรกิจเชื่อว่าเกษตรกรควรปลูกพืชเพื่อให้ครอบครัว “พอกิน” ก่อน แล้วจึงแบ่งส่วนที่เหลือออกมาจำหน่ายแทนที่จะปลูกเพื่อ “ขายก่อน” แล้วรับแรงกดดันจากผู้สั่งซื้อจนต้องใช้สารเคมีเพื่อให้ได้ผลผลิตตามเป้า

เมื่อไม่มีคำสั่งล่วงหน้าที่บีบคั้น เกษตรกรสามารถปลูกแบบธรรมชาติ ไม่เร่งรัด ไม่ต้องใช้สารเคมี และผลลัพธ์คืออาหารที่ปลอดภัยจริง ๆ ไม่ใช่แค่ในคำโฆษณา

คนกลางผู้สื่อสารความเข้าใจ: ธรรมธุรกิจในบทบาทตัวกลาง

ธรรมธุรกิจไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดจำหน่าย แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้สร้างความเข้าใจ” ระหว่างเกษตรกรและผู้บริโภค เป็นตัวกลางที่มีบทบาทเชิงรุกในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับแหล่งที่มาของอาหาร วิธีการผลิต และกระตุ้นให้ผู้ซื้อเลือกบริโภคอย่างมีจิตสำนึก

ระบบอาหารธรรมชาติแท้ของธรรมธุรกิจจึงไม่ใช่แค่กระบวนการผลิต แต่คือการสื่อสารอย่างลึกซึ้งกับทุกภาคส่วนในสังคม

ผู้บริโภคคือผู้ร่วมสร้าง ไม่ใช่แค่ผู้ซื้อ

นอกจากแนวคิดที่น่าสนใจในด้านการผลิตและการกระจายสินค้า ธรรมธุรกิจยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงผ่านการเป็น “ผู้ถือหุ้น” เพื่อร่วมกันระดมทุนสร้างสาขาร้าน “ยักษ์กะโจน (YakKaJon)” ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีร้านขายอาหารธรรมชาติอย่างน้อยหนึ่งแห่งในทุกอำเภอของประเทศไทย

สิทธิพิเศษของผู้ถือหุ้นไม่ใช่แค่สิทธิทางเศรษฐกิจ เช่น การคืนเงิน 5% จากยอดซื้อ แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของสังคมไทยที่ปลอดภัย สุขภาพดี และยั่งยืน


การพูดคุยกับธรรมธุรกิจในครั้งนี้คือคำตอบหนึ่งของคำถามว่า
“ทำไมต้อง SE? ทำไมต้องธุรกิจเพื่อสังคม?”
เพราะการทำธุรกิจสามารถมากกว่าแค่ผลกำไร และสามารถกลายเป็นพลังเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมได้

สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม (SE Thailand) ยังคงเดินหน้าบอกเล่าเรื่องราวของผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่ทำงานจริงในภาคสนาม เพื่อนำเสนอคำตอบจากประสบการณ์จริงว่า SE ไม่ใช่เพียงคำจำกัดความ แต่คือเครื่องมือในการออกแบบอนาคตที่เราทุกคนอยากเห็น

ทำไมต้องธุรกิจเพื่อสังคม? #WhySE

ลองจินตนาการถึงธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่เพียงแค่มุ่งหวังผลกำไร แต่ยังต้องสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคมและโลกไปพร้อมๆ กัน ขณะเดียวกันต้องบริหารแผนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ คุณคิดว่าธุรกิจลักษณะนี้ควรมีคุณสมบัติหรือกลยุทธ์ใดบ้าง?
ธุรกิจที่ยึดมั่นในการสนับสนุนผู้คนและดูแลโลกใบนี้ เช่น ช่วยเหลือผู้คนให้ผ่านพ้นวิกฤตค่าครองชีพ ส่งเสริมการจ้างงานและพัฒนาศักยภาพให้กับกลุ่มคนส่วนน้อย คืนผลกำไรสู่ชุมชน ปกป้องสิ่งแวดล้อม และมุ่งเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้คน
บางทีคุณอาจจะได้สัมผัสธุรกิจเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า การเข้าไปในร้านอาหาร เพลิดเพลินกับศิลปะและวัฒนธรรม หรือร่วมทำงานในโครงการที่คุณดูแล
ใครจะรู้ ธุรกิจเพื่อสังคมเหล่านี้อาจอยู่ใกล้ตัวคุณกว่าที่คิด!
#ทำไมต้องธุรกิจเพื่อสังคม#WhySE #WhySocialEnterprise
**ปัจจุบัน ธุรกิจเพื่อสังคมกำลังเติบโตขึ้นทั่วโลก เช่น ในสหราชอาณาจักร ธุรกิจเพื่อสังคมกว่า 100,000 แห่งมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากถึง 6 หมื่นล้านปอนด์ และสร้างงานให้ประชากรกว่า 2 ล้านคน นี่คือพลังของธุรกิจที่มุ่งคืนประโยชน์สู่สังคมและสร้างอนาคตที่ดีกว่า (Corelate,2022)**
  • เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเพื่อสังคมในไทยเองยังเป็นเพียงแนวคิดที่ใหม่ หลายคนอาจมองว่าไม่สามารถเติบโตได้ในเชิงการเงิน แต่ตอนนี้ การเคลื่อนไหวนี้กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดและได้รับการยอมรับมากขึ้น เหล่าธุรกิจเพื่อสังคมในไทยต่างทำหน้าที่เป็นทั้งแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการช่วยเหลือสังคม
  • ธุรกิจเพื่อสังคมในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น แม้จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ธุรกิจเหล่านี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะในชุมชนชนบทและกลุ่มเปราะบาง ตัวอย่างเช่น โครงการพัฒนาชุมชนที่กระจายงานฝีมือในท้องถิ่น หรือโครงการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ สิ่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ แต่ยังเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย
“นี่คือการเดินทางสู่การสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ธุรกิจเพื่อสังคมไม่เพียงแค่เติบโตด้วยตัวเอง แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนให้สังคมโดยรวมก้าวหน้าไปด้วยกัน มาร่วมกันสนับสนุนธุรกิจเหล่านี้เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น!”
**Reference: 𝐶𝑜𝑟𝑒𝑙𝑎𝑡𝑒./(2022).(𝑊ℎ𝑦 𝑠𝑜𝑐𝑖𝑎𝑙 𝑒𝑛𝑡𝑒𝑟𝑝𝑟𝑖𝑠𝑒?)./ จากเว็บไซต์ ℎ𝑡𝑡𝑝𝑠://𝑤𝑤𝑤.𝑐𝑜-𝑟𝑒𝑙𝑎𝑡𝑒.𝑐𝑜.𝑢𝑘/𝑏𝑙𝑜𝑔/𝑤ℎ𝑦-𝑠𝑜𝑐𝑖𝑎𝑙-𝑒𝑛𝑡𝑒𝑟𝑝𝑟𝑖𝑠𝑒